แนะนำสุดยอดพืชผักสมุนไพรฤทธิ์เย็น ช่วยคลายร้อน ปรับสมดุลให้ร่างกายแข็งแรง

Facebook

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้าน โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม – พฤษภาคมนั้น เรียกว่าเป็นช่วงร้อนจัดกันเลยทีเดียว เมื่อประกอบกับภาวะโลกร้อน ที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแล้ว ในแต่ละวันแทบจะอยู่กันไม่ไหว หากบ้านไหนติดเครื่องปรับอากาศ ก็อาจช่วยบรรเทาได้ แต่ก็แลกมากับค่าไฟที่แสนจะแพง และใครที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หากอากาศร้านจัด เสียเหงื่อมาก ๆ ร่างกายก็จะยิ่งทรุดโทรมเร็วกว่าปกติ ความร้อนในร่างกายของคนเรานั้น เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง นอกจากสุขภาพร่างกายแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็คืออาหารการกิน ที่เรากินเข้าไปนั้นไม่สมดุล เช่น กินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนมาก ๆ ทั้งอาหารรสเผ็ด รสจัด หรือหนักไปทางโปรตีนมากเกินไป แต่ทางแก้ก็ไม่ยาก เพราะเราจะมาแนะนำ สุดยอด พืชผัก สมุนไพรฤทธิ์เย็น ช่วยคลายร้อน ปรับสมดุลให้ร่างกายแข็งแรง

10 ของกินคลายร้อน ดับกระหายดีเวอร์

ฤทธิ์ร้อน-ฤทธิ์เย็นคืออะไร?

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วฤทธิ์ร้อนกับฤทธิ์เย็นมันคืออะไร อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า คือความสมดุลในร่างกายของเรานั่นเอง หากภายในร่างกายของเราร้อนเกินไป หิวน้ำบ่อย จนทำให้รู้สึกว่าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง มือเท้าร้อน ก็อาจจะเป็นสาเหตุตั้งต้นของโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน กระเพาะอาหารอักเสบ ฯลฯ หากเรามีสภาวะในร่างกายที่ร้อน เมื่อได้กินสมุนไพรฤทธิ์เย็น ก็จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลในร่างกาย บรรเทาความร้อนได้ หรือหากสภาวะในร่างกายของเราเย็นเกินไป ขี้หนาว มือเท้าเย็น น้ำมูกไหลง่าย ตัวสั่นง่าย นิ้วล็อก เป็นตะคริว หรือเหน็บชาบ่อย ๆ ก็ให้กินสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ก็จะช่วยปรับสมดุลเช่นกัน ซึ่งสภาวะร่างกายไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ส่วนใหญ่เกิดจากการกินอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ หรือกินอาหารที่ไม่สมดุลต่อร่างกาย

พืชผักสมุนไพรฤทธิ์เย็น

พืชผักสมุนไพรนั้นสามารถช่วยปรับสมดุล ลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี หากร่างกายเราสมดุล จะทำให้รู้สึกสดชื่นสบายตัว และการปลูกพืชผักสมุนไพรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ปลูกไว้ริมรั้ว หรือปลูกลงกระถาง ไม่กี่เดือนก็เติบโตเก็บมาทำอาหารได้แล้ว เรามาดูกันเลยว่า พืชผักสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง

1. ผักบุ้ง (Morning Glory)

ผักบุ้งไทย พืชผักสวนครัว สร้างประโยชน์

ผักบุ้งเป็นผักที่ทุกคนต้องรู้จักกันดี มีทั้งผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน ผักบุ้งมีลำต้นเล็กสีเขียว มีใบดก เป็นผักที่ใช้ทำอาหารได้ทุกส่วน ใบและยอดสามารถกินเป็นผักสดกรอบ ๆ จิ้มกับน้ำพริก หรือใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งผัดทั้งแกง เป็นผักที่มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา เพิ่มความชุ่มชื้นรอบดวงตา

ผักบุ้งจีนต้นเล็กๆแต่คุณประโยชน์เหลือล้น

สรรพคุณทางยา

ใบเถาสามารถนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม ช่วยถอนพิษ แก้เมารถเมาเรือ ใบอ่อนขยี้แล้วทาเมื่อถูกแมลงกัดสัตว์ต่อย หรือตำพอกแผลพุพอง หรือต้มกับเกลือ เอาน้ำมาอมแก้เหงือกบวม รำมะนาด

2. แตงกวา (Cucumber)

หลาย ๆ คนคงชอบกินแตงกวาแก้เผ็ด เพราะกินแล้วรู้สึกได้ถึงความเย็นในเนื้อแตงกวา แตงกวานั้นยังใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงจืด ผัด หรือกินผลสด ๆ คู่กับน้ำพริก ในเนื้อแตงกวามีทั้งน้ำ วิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียมซัลเฟต ที่ช่วยบำรุงผิวของเรา รวมทั้งสารฟีนอลที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ

รวมเมนูอาหาร สูตรอาหารเมนูแตงกวา ทำง่ายๆ ได้ที่บ้าน

สรรพคุณทางยา

ใช้เนื้อแตงกวาแปะบริเวณที่มีแผลพุพอง หรือหั่นเป็นแว่นพอกหน้า ช่วยให้ผิวชุ่มฉ่ำ เพิ่มความชุ่มชื้น กินผลแตงกวาสด ๆ ช่วยแก้กระหายน้ำ ลดความร้อนในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น 

3. ตำลึง (Ivy Gourd)

หนึ่งในพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ที่เรารู้จักกันมานาน ตำลึงเป็นไม้เถา ทอดยอด เลื้อยเกาะไปตามที่ต่าง ๆ นิยมปลูกให้ขึ้นซุ้มค้างไม้ หรือรั้ว ยอดตำลึงและใบอ่อนมีรสชาติอร่อย นิยมนำมาทำแกงจืด แกงเลียง ผัดน้ำมันหอย หรือกินเป็นผักสด ผักลวก จิ้มน้ำพริกก็อร่อย ผลอ่อนของตำลึงใช้ดองเกลือกินกับข้าวต้ม ตำลึงเป็นผักที่มี เบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาได้ดี มีสารไนไตรท์ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้

ตำลึงหวาน พืชสารพัดประโยชน์

สรรพคุณทางยา

ใบใช้พอกแก้ไข้ตัวร้อน เถาตำลึงต้มกับน้ำ ใช้หยอดตาแก้ตาแดง ตาฝ้าฟาง ดอกตำลึงทาแก้อาการคัน

4. ใบบัวบก (Asiatic Pennywort)

ส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีว่าน้ำใบบัวบกนั้นช่วยแก้ช้ำใน แต่จริง ๆ แล้วใบบัวบกยังใช้ประกอบอาหารได้อีกหลายอย่าง ทั้งผัด แกงเลียง หรือต้มจืด รวมทั้งกินใบสด ๆ คู่กับอาหารไทยที่มีรสจัด ใบบัวบกมีสารที่ช่วยปกป้องเซลล์ในชั้นผิวของเราจากแสงแดด เพิ่มความชุ่มชื้นและซ่อมแซมผิวหนัง

สรรพคุณทางยา

ใบบัวบกล้างแล้วนำไปปั่น หรือตำให้ละเอียด ก็สามารถนำมาใช้พอกผิว ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว หรือตำละเอียดเอามาพอกที่แผล หรือต้มใบเอาแต่น้ำกินแก้ร้อนใน

5. ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)

หากให้เอ่ยชื่อสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ชื่อของต้นว่านหางจระเข้ ต้องรวมอยู่ด้วยแน่นอน เพราะประโยชน์ที่มีอย่างมากมาย ช่วยรักษาผิวจากรอยไหม้ หรือทาแก้ผิวหมองคล้ำจากแสงแดด ช่วยเติมน้ำให้ผิวที่แห้งกลับมาชุ่มชื้น ช่วยรักษาแผลเป็น แผลพุพองน้ำร้อนลวก แถมยังใช้สระผมแก้อาการคันศีรษะได้เป็นอย่างดี

สรรพคุณทางยา

ตัดว่านหางจระเข้ แล้วตัดเอาขอบหนามออก จากนั้นลอกเปลือกเขียว ให้เหลือเฉพาะเนื้อวุ้นใส ๆ ล้างทำความสะอาดยางสีเหลืองออกให้หมด หรือบดละเอียด แล้วใช้โปะผิว หรือแผลบริเวณที่ต้องการ

6. ว่านรางจืด (Blue Trumpet Vine)

รางจืดนั้นหลายคนคงได้ยืนชื่อกันมานาน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรล้างพิษชั้นดี ทั้งยังช่วยดูแลบำรุงผิว ลดการอักเสบ ผดผื่นคัน ช่วยปกป้องเซลล์ในชั้นผิวหนัง รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลพุพอง รางจืดนอกจากจะมีสรรพคุณมากมายแล้ว ยังเป็นไม้ยอดนิยม ดอกสีม่วงสวย ๆ ที่คนรักต้นไม้ชอบนำมาปลูกเป็นไม้เลื้อย ไม้ประดับลงกระถาง ตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงามอีกด้วย

สรรพคุณทางยา

นำใบรางจืดตากแห้งชงเป็นชาดื่มกำจัดสารพิษ แก้เมาค้าง หรือนำใบมาปั่น หรือตำละเอียด ผสมน้ำซาวข้าว กรองเฉพาะน้ำ นำไปดื่มช่วยถอนพิษ น้ำต้มว่านรางจืดใช้ทาลดอาการแสบร้อน ในช่วงอากาศร้อนจัด ทาแก้อาการคัน อาการแพ้ และช่วยลดความร้อนในร่างกาย เหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย

พืชผักสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่เรานำมาแนะนำนั้น สามารถปลูกเองได้ง่าย ๆ เลี้ยงดูแลก็ง่าย และใช้พื้นที่ไม่มาก แค่ลงกระถางก็เติบโตงอกงามได้แล้ว และนอกจากใช้ประกอบอาหาร ยังมีประโยชน์มากมายจริง ๆ ใครที่รู้สึกตัวว่ามีอาการร้อนง่าย เหงื่อออกมาก หรือเหนื่อยเร็วผิดปกติ อาจจะเพราะกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนมากเกินไป วิธีการง่าย ๆ และดีต่อสุขภาพก็คือ กินพืชผักสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นเข้าไปมาก ๆ เพื่อไปช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย แต่ที่สำคัญอย่าลืมกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อน ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วย