ต้นมะสัง ต้นไม้ที่คนส่วนใหญ่มักรู้จักมันในฐานะของไม้บอนไซ ไม้ประดับต้นจิ้วในกระถางเซรามิค แต่วันนี้ kaset.today จะพาคุณไปรู้จักกับมะสังแบบลำต้นถึกทน มีหนามแหลม ต้นสูงใหญ่ เห็นแล้วไม่น่าเข้าใกล้เลย แต่ถ้าคุณมองถึงไปแล้วเห็น ใบอ่อน และ ลูกเขียวๆที่ห้อยต่องแต่งแล้ว นั้นแหละคุณเจอของมีประโยชน์แล้ว และใบอ่อน และ ลูกมะสังนั้นสามารถเอามาทำยาสมุนไพรและเอามาประกอบอาหารอร่อยเหอะไปเลย โดยเฉพาะน้ำพริก แต่เราไม่ได้มีข้อมูลแค่นั้น แต่เรายังข้อมูลดีๆ เดี่ยวกับวิธีปลูก วิธีดูแลอีกด้วย
ข้อมูลทั่วไปของต้นมะสัง
ชื่อภาษาไทย : มะสัง
ชื่อภาษาอังกฤษ : Wood apple tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Feroniella lucida (Scheff.) Swingle
ชื่ออันดับ : Rutales
ชื่อวงศ์ : Rutaceae หรือในวงศ์ส้ม
ต้นมะสังคืออะไร และสามารถพบได้ที่ไหน
มะสัง เป็นทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อยแต่ไม่ใช่ไม้ล้มลุก นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ภาคใต้เรียก ชากรูด,กะสัง ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า ตาฉี่โพ, ผักราชวงศ์ ทางภาคกลางเรียก ผักกระสัง จังหวัดเพชรบุรีเรียก ผักกูด จังหวัดสุราษณ์ธานีเรียก ผักสังเขา ส่วนทางภาคเหนือเรียก ผักฮากกล้วย และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า หมากสัง
ในส่วนของการแพร่กระจาย สามารถพบได้ทุกภาคส่วนของประเทศไทยและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามพื้นที่ป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง นอกจากนี้ลักษณะของเนื้อใบจะมีจุดต่อมน้ำมันใส หรือ Pellucid punctate ก้านใบแผ่ขยายออกเป็นปึก ฐานรองดอกตอนบน มีเนื้อเยื่อเป็นขอบวงหนา รังไข่เป็นแบบ superior ห้องรังไข่ติดกันมีเมล็ดไข่มากติดกันแบบ Axile placentation ต้นอ่อนภายในเมล็ดตรงหรือโค้ง อีกทั้งยังนิยมนำมาทำเป็นไม้ดัด ไม้ประดับเพื่อความสวยงามอย่างการทำบอนไซ
ลักษณะของต้นมะสัง
ลำต้น
มีความสูงประมาณ 5-10 เมตร บริเวณลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตรอยู่โดยรอบ และมีการแผ่กิ่งก้านเป็นจำนวนมากตั้งฉากกับลำต้นออกเป็นทรงพุ่ม
ใบ
ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว หรือสองชั้น ออกเวียนเป็นเกลียวตามกิ่ง ใบอ่อนออกเป็นคู่ ตรงข้ามกัน ตรงปลายมีใบยอดเพียงใบเดียว ใบกลมรีขอบใบเว้าเข้าหาเส้นกลางใบ ดูคล้ายก้างปลา มี 3-5 แฉก แผ่นใบโค้งขึ้นด้านบนเล็กน้อย สีเขียวเข้ม เป็นมันวาว ความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ฐานใบแหลมมน หรือกลม ส่วนก้านใบย่อยจะมีลักษณะกลมรียาวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร
ดอก
ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบคล้ายกับดอกกระถินเป็นปุยขาว กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี 5-6 กลีบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร บริเวณโคนก้านมีใบประดับเป็นรูปรีคล้ายไข่ 1 ใบ ส่วน เกสรเพศผู้มีประมาณ 10-12 อัน ที่ส่วนของความยาวก้าน ปลายก้านจะแยกออกจากกัน มีก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว และมีเกสรเพศเมียมี 1 อัน โดยสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี
ผล
มีสีเขียวคล้ายผลมะนาว กลม มีขนาดประมาณ 2.5 นิ้ว เมื่อแก่จัดจะมีสีน้ำตาล เปลือกแข็งและหนามาก มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร มีเมล็ดจำนวนมาก สามารถนำมาเพาะพันธุ์ต่อได้ อีกทั้งส่วนผลมีรสเปรี้ยวนำมาใช้ปรุงรสแทนมะนาวหรือประกอบอาหารได้
วิธีการปลูกต้นมะสัง
การปลูกต้นมะสัง นิยมนำเมล็ดมาปลูก และมีขั้นตอนดังนี้
1. การปลูกต้นมะสัง จะนำเมล็ดที่สุกแล้ว นำมาคว้านเมล็ดออก จากนั้นจึงนำเมล็ดที่คว้านออกมาทำความสะอาดซับน้ำให้แห้ง
2. จากนั้นจึงนำมาใส่ในกล่องรองด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชูพรมน้ำให้เปียก แล้วนำเมล็ดไปวางไว้ปิดทับด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าและพรมน้ำอีกรอบให้เปียกโดยทั่วจึงปิดกล่อง
3. หลังจากนั้นบ่มเมล็ดไว้ 3-5 วัน รอจนกว่าจะมีการแทงรากออกมาจากเมล็ด เมื่อได้เมล็ดที่บ่มเรียบร้อยแล้วก็ย้ายมาเพาะในแปลงกล้าเพื่อให้ได้อัตราการงอกที่มากขึ้น
4. จากนั้นจึงย้ายลงแปลงปลูกหรือถุงชำที่จะใส่ต้นกล้าเพียงต้นเดียวเท่านั้น จะไม่ปลูกหลายต้นในถุงเดียวหรือกระถางเดียวกัน เพราะต้นมะสังเกิดการแยกน้ำและอาหาร ส่งผลให้ต้นเติบโตช้า แคระแกร็นหรือได้ต้นที่ไม่สมบูรณ์
5. ในส่วนของการดูแลและเจริญเติบโตจะใช้ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน จากนั้นจึงย้ายมาปลูกในกระถางตามขนาดต่าง ๆ ที่จะมีการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือการเตรียมดินให้พร้อมก่อนการเริ่มย้ายลงสู่กระถางพร้อมสำหรับการนำมาดัดเป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาทำเป็นบอนไซ โดยจะมีการดัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปลูก
วิธีการดูแลต้นมะสังทำอย่างไร
1. ควรปลูกไว้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด ส่องถึงต้นหรือปลูกกลางแจ้ง เพราะต้นมะสังเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงมาก
2. การให้น้ำควรให้น้ำปานกลาง 3-5 วันต่อครั้ง ถ้าให้ถี่ ๆ อาจทำให้ต้นเติบโตช้าหรือความชื้นที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดเชื้อราได้
3. สำหรับดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินที่ร่วนซุย มีความชื่นที่เหมาะสม
4. การใช้ปุ๋ยสามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลสัตว์หรือปุ๋ยหมักตามสูตรต่าง ๆ ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับต้นมะสัง
ประโยชน์และสรรพคุณของต้นมะสัง
ต้นมะสังมีประโยชน์และสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย โดยสามารถนำมาใช้ได้เกือบทั้งต้น ทั้งนำมาเป็นอาหาร ส่วนผสมของยาบรรเทาอาการต่าง ๆ นอกจากจะได้ความสวยงามจากการนำมาทำเป็นไม้ประดับที่มีความงามแล้วนั้น ยังเป็นต้นไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ควรปลูกไว้ในบ้านได้อีกด้วย
การนำต้นมะสังมาประกอบอาหาร
1. ส่วนผลมีรสออกเปรี้ยว สามารถนำมาปรุงรสแทนการใช้มะนาวได้
2. ยอดอ่อนและใบอ่อน สามรถทานสดหรือนำมาปิ้งให้หอมก่อนทานได้ หรือนำมาเป็นวัตถุดิบในอาหารอย่างการทำน้ำพริก ต้ม แกงต่าง ๆ ที่เพิ่มคุณค่าทางอาหารได้
3. ส่วนใบของต้นมะสัง สามารถนำมาผัดคู่กับอาหารอย่างอื่นได้ เช่น ผัดกะเพรา ผัดผัก
4. อาจนำผลของมะสังมาทำเป็นผลไม้เชื่อม หรือทำน้ำปั่นผลไม้สร้างรายได้ได้อีกทางหนึ่ง
น้ำพริกมะสัง
ทางเราได้สูตรทำน้ำพริกมะสังอร่อยๆจากร้านฟาร์มลุงทิ้ง ที่เราเห็นแล้วแน่ใจเลยว่าสูตรนี้เพื่อนๆต้องอยากเอาลองไปทำ หรือถ้าให้ง่ายกว่านั้น เดินทางไปกินที่ร้านฟาร์มลุงทิ้งเลยดีกว่า
ส่วนผสม
- ลูกมะสัง 1 ลูก
- กะปิมอญ 1 ช้อนโต๊ะ (กะปิดำ)
- หอมแดง 3 หัว
- กระเทียมไทย 15 กลีบ
- พริกขี้หนูสวน 50 เม็ด
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- ลูกส้มย้อ(มะเขือเทศลูกเล็ก) 5 ลูก
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำกะปิ(กระปิดำ)ห่อด้วยใบตองแล้วนำไปย่างไฟ
- นำลูกมะสัง มาควักเอาเนื้อด้านในออก ใส่ครก ตำพอแตก ตามด้วยกะปิ ตำให้เข้ากัน ใส่หอมแดง กระเทียมไทย พริกขี้หนูสวน ตำจนแหลก ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว ลูกส้มย๊อ(มะเขือเทศลูกเล็ก) ตำจนเข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำปลา คนจนเข้ากันตักใส่ถ้วย ทานคู่กับผักต่าง ๆ
สรรพคุณทางยาของต้นมะสัง
- ส่วนแก่น จะนำมาต้มกับแก่นของต้นมะขามให้สตรีหลังคลอดบุตรดื่มระหว่างอยู่ไฟ
- ส่วนราก จะนำมาต้มหรือฝนกับน้ำดื่ม เพื่อแก้อาการไข้ บำรุงร่างกาย ซึ่งพบว่าต้นมะสังมีเอนไซม์ที่เร่งการสลายตัวของสารสื่อประสาท เป็นยาที่ใช้แก้พิษ
- ผลอ่อน มีสรรพคุณที่สามารถแก้อาการไข้ได้
- ส่วนใบ มีสรรพคุณแก้อาการท้องอืด บำรุงร่างกาย และสมานแผล
จะเห็นว่าต้นมะสังมีคุณประโยชน์มากมายทั้งด้านอาหารและยา โดยนำมาประกอบอาหารและทำเป็นยาใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ได้อีกทางอย่าง การทำไม้ดัดที่นิยมทำเป็นบอนไซที่มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันตามขนาดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำส่วนของผลของมะสังมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกอย่าง การทำน้ำผลไม้ ผลไม้เชื่อม หรือรวมกลุ่มทำสินค้าโอท็อปของชุมชนส่งออกภายในประเทศ ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอาชีพใหม่ของผู้ที่สนใจได้
และหากคุณสนในบทความเกี่ยวกับ พันธุ์ไม้ พันธุ์พืช ผลไม้ สมุนไพร หรือ ปศุสัตว์แล้ว เว็บ kaset.today ก็มีบทความสาระดีๆมากมายให้นักอ่านทุกคนได้มาหาความรู้กัน
แหล่งอ้างอิง