เคล็ดลับ ปลูกผัก ให้งอกงาม ไร้สารเคมี

Facebook

ในปัจจุบันหลายคนมีเวลาที่จะอยู่บ้านเพิ่มมากขึ้น และเริ่มหันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นด้วยการออกกำลังกาย รวมถึงเลือกกินของที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มขึ้น และยุคนี้สมัยนี้แน่นอนว่าอาหารสำคัญของสายสุขภาพนั่นก็หนีไม่พ้นผักและผลไม้ นั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจมองว่าการกินผักจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีได้ ซึ่งบางครั้งอาจลืมนึกถึงความสะอาด ความปลอดภัยในผักที่เราบริโภคกันอยู่ แล้วผักที่เราซื้อตามห้างและตลาดสดมันสะอาดจริงๆ ใช่หรือไม่ ทั้งที่บอกว่าเป็นผักปลอดสาร 

สารเคมีในผักผลไม้ไทย อันตรายที่มองไม่เห็น แต่มีอยู่จริง

วันนี้จึงขอแชร์เทคนิคการปลูกผักสวนครัวที่ได้ทั้งงาม ปลอดแมลง และปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นเทคนิคง่าย ๆ ให้ลองไปใช้ดู

เทคนิคสำหรับการปลูกผักให้งาม

1. การเตรียมแปลงปลูก

โดยเริ่มการเตรียมแปลงปลูกผักด้วยการขุดพรวนให้ลึกพอเหมาะ จากนั้น เราก็มาเริ่มการบำรุงดินด้วยการโรยด้วยปุ๋ยคอก ที่ได้จากมูลโค-กระบือ มูลไก่ ปุ๋ยหมัก หรือ แกลบดำ จากนั้น พรวนผสมกับดินในแปลงให้เข้ากัน แล้วมาลุยขั้นต่อไปกันเลย

2. การเตรียมเมล็ด และการปลูก

ขั้นตอนการเตรียมเมล็ด ถ้าเราต้องการปลูกผักด้วยเมล็ด ก็ต้องนำเมล็ดผักที่ต้องการแช่น้ำก่อน 1-3 ชั่วโมง จากนั้น นำมาบ่มในห่อผ้า 1-2 วัน ค่อยนำเมล็ดลงหว่านบนแปลง ผักที่ปลูกโดยเมล็ดได้แก่ ผักชี ผักบุ้งจีน ตั้งโอ๋ ขึ้นฉ่าย

ผักสวนครัว กินได้และสร้างเงินด้วย

การปลูกด้วยการเพาะต้นกล้า ต้องเพาะต้นกล้าก่อน แล้วคัดดูความแข็งแรงของลำต้น เมื่อพร้อมแล้วให้นำมาปลูกในแปลงหรือกระถาง ผักที่ปลูกเหมาะกับการปลูกด้วยการเพาะต้นกล้าก็จะเป็นพวก ผักคะน้า ผักกาด กะหล่ำปลี ปูเล่ กะเพรา โหระพา

และวิธีถัดมาก็คือ การปักชำ สำหรับการปักชำนั้นเหมาะกับผักที่มีรากลึก อย่าง สะระแหน่, ชะพลู, หอมแบ่ง, ตะไคร้

ตะไคร้หอม สมุนไพรไล่ยุง บำรุงร่างกาย

3. หาฟางมาคลุม 

รู้จักกับการคลุมดิน วิธีช่วยลดวัชพืชและกักเก็บความชื้นในดิน

วิธีนี้จะช่วยปกป้องต้นกล้าน้อยจากฝน ลม แสงแดด และจากกระแสน้ำที่เรารด แต่ก็ไม่ต้องปิดทับจนมันทึบนะ พอให้มีแสงสามารถลอดผ่านได้ เพราะไม่อย่างนั้นผักของเราอาจไม่โต โดนแดดมากไปก้ตายได้ไม่โดนลมไม่แข็งแรง

4. ขั้นตอนการให้น้ำ 

นี่นับได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ควรหมั่นรดน้ำเช้าเย็น แต่ก็ไม่เยอะจนน้ำขังก็อาจทำให้เกิดเชื้อรา หรือเกิดการรากเน่าได้ กลางวันอย่ารดมันร้อนผักที่เราปลูกไว้อาจจะเฉาได้ ในช่วง 1 สัปดาห์แรกควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หมั่นรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้า – เย็น และหลังจากนั้นสามารถลดปริมาณน้ำที่รดได้ แต่ยังคงรดน้ำวันละ 2 ครั้งเหมือนเดิมจนถึงช่วงเก็บเกี่ยว

5. การให้ปุ๋ย 

ควรเลือกเป็นปุ๋ยอินทรีย์ หรือน้ำหมักชีวภาพจากเศษอาหารเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ซึ่งการนำเศษอาหารที่เหลือมาใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการปลูกผักปลอดสารเคมี

6. เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว 

ช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวผลงานที่เราได้ลงแรงและตั้งใจไว้นั้น โดยมากจะใช้เวลาประมาณ 40-60 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของผักที่เราเลือกปลูกด้วยนะ ว่าใช้เวลาในการเติบโตแค่ไหน

เราควรเริ่มปลูกอะไรดี ?

สำหรับผักที่นิยมนำมาปลูก ก็จะเป็นผักสวนครัวที่ใช้เวลาในการปลูกไม่นาน ก็สามารถเก็บผลผลิตมาใช้ปรุงเป็นอาหารได้ อาทิเช่น

ผักบุ้งจีน

ผักยอดฮิตที่ปลูกง่าย ใช้ระยะเวลาไม่นาน แค่ไม่เกิน  30 วัน ก็สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้แล้ว ทั้งไม่ต้องดูแลมาก แค่เตรียมแปลงให้พร้อม แล้วโรยเมล็ดผักบุ้ง ให้ทั่วแปลง จากนั้นหมั่นรดน้ำทุกวัน ใช้เวลาแค่ 3 วันจากเมล็ดก็จะเริ่มงอกเป็นต้นเล็กๆ ขึ้นมาให้เห็น

ผักคะน้า

การปลูกผักคะน้าก็ง่าย เพียงแค่วางเมล็ดพันธุ์ลงไป กลบดินและรดน้ำตามปกติ ประมาณ 40 – 60 วันก็สามารถเก็บผลผลิตได้เลย

กวางตุ้ง

เป็นอีกผักที่ปลูกค่อนข้างง่ายวิธีการปลูก แทบไม่แตกต่างจากการปลูกคะน้าเลย โดยแค่ฝังเมล็ดลงไปในดินลึกประมาณ 1 เมตร กลบด้วยดิน ปุ๋ยคอก จากนั้นก็รดน้ำตามปกติ แต่ในระยะเวลา 5 วันแรกหลีกเลี่ยงการตั้งให้โดนแดด แต่หลังจากนั้นเมื่อผักเริ่มโตขึ้นก็สามารถย้ายมาวางในบริเวณที่แดดส่องถึง เพียงแค่ 30 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวขึ้นมาประกอบอาหารได้แล้ว

ถั่วงอก

ผักอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ขั้นตอนก็ง่ายๆ นำเมล็ดถั่วเขียวไปแช่น้ำอุ่น 6-12 ชั่วโมง และนำขวดโหล รดน้ำลงในบริเวณก้นขวดเล็กน้อยให้ชุ่มพร้อมปู ใส่ทราย หรือแกลบก้นขวดโหล จากนั้นทำการโรยเมล็ดลงไปให้ทั่วแล้วทำการดูแลรดน้ำตามปกติ เพียงแค่ 4-7 วันเราก็จะถั่วงอกต้นอวบ ๆ ขาว ๆ มาปรุงเป็นเมนูน่าทานได้แล้ว

จากเคล็ดลับง่าย ๆ ที่นำมาเสนอให้ในวันนี้ คุณเองก็สามารถการปลูกผักไร้สารเคมี ไว้กินเองที่บ้านแล้วยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะเลยทีเดียวยิ่งยุคนี้ด้วยแล้ว ยังสามารถเป็นกิจกรรมที่จัดเป็นงานอดิเรกในครอบครัวได้อีกด้วย


 ถ้าคุณชอบทานผักชนิดอื่นหรือยากลองปลูกเป็นผักชนิดอื่นก็สามารถนำไปประยุกต์และดัดแปลงได้ ซึ่งก็ไม่ยาก ปัจจัยหลัก ก็คือการดูแลการใส่ใจ และความขยันที่จะรดน้ำอยู่สม่ำเสมอ แค่นี้ก็จะได้ผักปลอดสารเคมี มาประกอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพจริงๆ สักที